นโยบายความเป็นส่วนตัว
นโยบายความเป็นส่วนตัวสำหรับการใช้งานเว็บไซต์
นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “นโยบาย” บังคับใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 คำนิยาม
ภายในนโยบายฉบับนี้
- “เว็บไซต์” หมายความว่าเว็บไซต์ชื่อว่า สโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย และมีที่อยู่เว็บไซต์ที่ …
- “ผู้ควบคุมข้อมูล” หมายความว่า ผู้ให้บริการหรือเจ้าของเว็บไซต์ตามนโยบายฉบับนี้ อันได้แก่ ประธานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศภาครวม 310 ประเทศไทย
- “ผู้ประมวลผลข้อมูล” หมายความว่า บุคคลภายนอกซึ่งประมวลข้อมูลเพื่อประโยชน์หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูล
- “ข้อมูล” หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
- “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาใดๆ ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวของบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
- “ผู้ใช้งาน” หมายความว่า ท่าน ผู้เยี่ยมชม ผู้ใช้ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้
- “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ที่ผู้ควบคุมข้อมูลจัดให้มีเพื่อดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 2 ความยินยอมของผู้ใช้งาน
ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ผู้ใช้งานตกลงและให้ความยินยอมเกี่ยวกับการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
- วัตถุประสงค์แห่งการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูลเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์เก็บบันทึกข้อมูลสมาชิก ประชาสัมพันธ์ข้อมูลกิจกรรมของสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย และสมาชิกไลออนส์ ทั้ง 6 ภาค ได้แก่ ภาค 310-เอ1 ภาค 310-เอ2 ภาค 310-บี ภาค 310-ซี ภาค 310-ดี และ ภาค 310-อี รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาด้านต่างๆ ของสโมสรไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมและใช้
ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูลเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ดังต่อไปนี้
ข้อมูลทั่วไป
- ชื่อ นามสกุล
- ที่อยู่
- Mobile Phone
- อีเมล
- รูปถ่ายภาพกิจกรรม
ข้อมูลที่เกี่ยวกับไลออนส์
- รหัสสมาชิก
- ชื่อสโมสร/ชื่อภาค/ชื่อตำแหน่ง
- ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้ใช้งานรับทราบ ตกลง และยินยอมให้ผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูลเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ ข้างต้น หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ข้อกำหนดทางด้านบัญชีและ / หรือเพื่อปกป้องผลประโยชน์ขององค์กร เป็นสำคัญ เราจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล เมื่อเห็นแล้วว่าการเก็บข้อมูลนั้น ไม่มีความจำเป็นตามจุดประสงค์ที่ได้ระบุไว้
ข้อ 3 การถอนความยินยอมของผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานรับทราบว่าผู้ใช้งานมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมใดๆ ที่ผู้ใช้งานได้ให้ไว้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดโดยการดำเนินการ แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรที่อีเมล [email protected] หรือเลือก “ไม่ยินยอม” ในเมนูการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวภายในเว็บไซต์โดยตรง
โดยผู้ใช้งานยังรับทราบอีกว่าเมื่อผู้ใช้งานได้ดำเนินการถอนความยินยอมแล้ว ผู้ใช้งานจะได้รับผลกระทบ ดังต่อไปนี้
ผู้ใช้งานจะไม่มีรายชื่อ สโมสรและภาคที่สังกัด สำหรับการลงทะเบียนการประชุมใหญ่ไลออนส์สากลภาครวม 310 ประเทศไทย ครั้งที่ 57 จังหวัดนครสวรรค์
โดยที่ ผู้ใช้งานยังได้ตกลงยอมรับซึ่งผลแห่งการถอนความยินยอมนั้นทั้งสิ้น
ข้อ 4 สิทธิของผู้ใช้งาน
ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ตามนโยบายฉบับนี้และการให้ความยินยอมใดๆ ตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ใช้งานได้รับทราบถึงสิทธิของตนในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอย่างดีแล้ว อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงสิทธิของผู้ใช้งาน ดังต่อไปนี้
- ผู้ใช้งานอาจถอนความยินยอมที่ให้ไว้ตามนโยบายฉบับนี้เมื่อใดก็ได้ โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรแก่ผู้ควบคุมข้อมูลตามวิธีและช่องทางที่กำหนดในนโยบายฉบับนี้
- ผู้ใช้งานมีสิทธิการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนที่ผู้ควบคุมข้อมูลได้เก็บรวบรวมเอาไว้ตามนโยบายฉบับนี้
- ผู้ใช้งานมีสิทธิได้รับการเปิดเผยจากผู้ควบคุมข้อมูลถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนซึ่งตนไม่ได้ให้ความยินยอม หากว่ามีกรณีเช่นว่า
- ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น รวมถึงการขอรับข้อมูลที่ได้ส่งหรือโอนดังกล่าวโดยตรงจากผู้ควบคุมข้อมูลที่ส่งหรือโอนข้อมูลนั้นด้วย
- ผู้ใช้งานอาจคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนหรือที่เกี่ยวข้องกับตนได้ในกรณีดังต่อไปนี้
- ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานด้วยความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลหรือของบุคคลอื่นซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ควบคุมข้อมูล
- ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานเพื่อเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลซึ่งผู้ใช้งานอาจพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่าผู้ควบคุมข้อมูล
- ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง
- ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไปเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ โดยที่การศึกษาวิจัยนั้นไม่มีความจำเป็นในการดำเนินการเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สาธารณะ
- ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
- เมื่อผู้ใช้งานซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นและผู้ควบคุมข้อมูลนั้นไม่มีอำนาจอื่นตามกฎหมายที่จะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นได้อีกต่อไป
- เมื่อผู้ใช้งานได้คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นโดยชอบด้วยกฎหมาย
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยยังคงเก็บรักษาเอาไว้ได้อยู่ ในกรณีดังต่อไปนี้
- ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้ร้องเรียนให้มีการตรวจสอบดังกล่าว
- ข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- ในกรณีที่ผู้ใช้งานมีความจำเป็นต้องการให้ผู้ควบคุมข้อมูลเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอาไว้เพื่อประโยชน์ในสิทธิเรียกร้องของผู้ใช้งานเอง อันได้แก่ การก่อสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของผู้ใช้งาน การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ผู้ใช้งานอาจให้ผู้ควบคุมข้อมูลเพียงระงับการใช้ข้อมูลแทนการดำเนินการลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลไม่สามารถระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูลได้
- ผู้ควบคุมข้อมูลอยู่ในระหว่างการพิสูจน์หรือตรวจสอบเพื่อปฏิเสธการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งผู้ใช้งานได้คัดค้านโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น
- เมื่อผู้ใช้งานพบเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานผิด ล้าหลัง ไม่ชัดเชน ผู้ใช้งานมีสิทธิให้ผู้ควบคุมข้อมูลดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลนั้นให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
- ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่เกี่ยวกับการกระทำการฝ่าฝืนหรือการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ควบคุมข้อมูลและ/หรือผู้ประมวลผลข้อมูล
ข้อ 5 การรักษาความมั่นคงปลอดภัย
ในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ด้วยมาตรฐานเทคโนโลยีและ/หรือด้วยระบบ ดังต่อไปนี้
กำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูล (Access Right) ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการควบคุมให้ผู้ประมวลผลข้อมูลมีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่น้อยไปกว่าที่กำหนดในนโยบายฉบับนี้ด้วย
ข้อ 6 การแก้ไขปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ควบคุมข้อมูลจะจัดให้มีระบบและมาตรการตรวจสอบ ดังต่อไปนี้
- ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกินระยะเวลาเก็บรวบรวมที่ผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอมเอาไว้ และ
- ลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามที่ผู้ใช้งานได้ให้ความยินยอมเอาไว้
ข้อ 7 การเก็บรวบรวม ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ใช้งานรับทราบและตกลงว่าผู้ควบคุมข้อมูลอาจเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้งานได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้งานก่อนล่วงหน้า ทั้งนี้เท่าที่จำเป็นและตราบเท่าที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์และในกรณีดังต่อไปนี้เท่านั้น
- เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคลใดๆ
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญาดังกล่าวนั้น
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลหรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลนั้น
- เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลหรือของบุคคลอื่นซึ่งประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญมากกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานนั้น
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล
ทั้งนี้ ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานตามวรรคก่อนหน้าไว้เป็นสำคัญ
ข้อ 8 การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
ไม่มีการโอนข้อมูลบุคคลใดๆ ไปยังต่างประเทศ
ข้อ 9 การแจ้งเตือนเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลทราบถึงการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะมีการละเมิดโดยบุคคลใด ผู้ควบคุมข้อมูลจะดำเนินการดังต่อไปนี้
- ในกรณีมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่ชักช้าเท่าที่จะสามารถกระทำได้ภายใน 72 (เจ็ดสิบสอง) ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ
- ในกรณีมีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบอย่างสูงต่อสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลใดๆ ผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและแนวทางการเยียวยาต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและต่อผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น โดยไม่ชักช้าเท่าที่จะสามารถกระทำได้ภายใน 72 (เจ็ดสิบสอง) ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุ
ข้อ 10 การร้องเรียนและการแจ้งปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ใช้งานอาจร้องเรียนและรายงานปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลแก้ไขปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและ/หรือให้ถูกต้อง การคัดค้านการเก็บรวบรวมข้อมูล หรือระงับการใช้ข้อมูล ได้ที่ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางอีเมลที่ [email protected]
ข้อ 11 การบันทึกรายการสำคัญ
เว้นแต่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะกำหนดให้สิทธิผู้ควบคุมข้อมูลไว้เป็นเป็นอย่างอื่น ผู้ควบคุมข้อมูลจะบันทึกรายการสำคัญเกี่ยวกับการจัดเก็บ การใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลเป็นหนังสือหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการตรวจสอบจากผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูลหรือจากหน่วยงานของรัฐ อันรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงรายการ ดังต่อไปนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม
- วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท
- ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูล
- ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิและวิธีการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับบุคคลที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและเงื่อนไขในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น
- การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้งานเจ้าของข้อมูล
- การปฏิเสธคำขอและการคัดค้านต่างๆ
- รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลส่วนบุคคล
ข้อ 12 การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย
ผู้ควบคุมข้อมูลอาจแก้ไขและเปลี่ยนแปลงข้อความในนโยบายฉบับนี้ได้ ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม และไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน โดยผู้ควบคุมข้อมูลจะแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละคราวเพื่อให้ผู้ใช้งานได้พิจารณาและดำเนินการยอมรับด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด และหากว่าผู้ใช้งานได้ดำเนินการเพื่อยอมรับนั้นแล้วให้ถือว่านโยบายที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายฉบับนี้ด้วย
อนึ่ง ผู้ใช้งานอาจเข้าถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวที่มีการแก้ไขและเปลี่ยนแปลงล่าสุดได้จากแหล่งที่ผู้ควบคุมข้อมูลจัดแสดงไว้จากช่องทาง ดังต่อไปนี้
https://lionsclubs310.org/privacy-policy
ข้อ 13 ความสัมพันธ์ของคู่สัญญา
โดยที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเข้าใจและทราบดีว่า การเข้าทำนโยบายฉบับนี้ไม่ทำให้คู่สัญญาและพนักงานของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายมีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นลูกจ้างตามกฎหมายแรงงานหรือเป็นหุ้นส่วนกันตามกฎหมายหุ้นส่วนและบริษัทแต่อย่างใด
ข้อ 14 การโอนสิทธิ
เว้นแต่จะได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่นอย่างชัดแจ้งในนโยบายฉบับนี้ คู่สัญญาตกลงจะไม่โอนสิทธิ หน้าที่ และ/หรือความรับผิดตามนโยบายฉบับนี้ให้แก่บุคคลใดโดยมิได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งเป็นการล่วงหน้าก่อน
ข้อ 15 การระงับข้อพิพาท
หากมีข้อโต้เถียง ข้อขัดแย้งใดๆ เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากนโยบายฉบับนี้ หากคู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้ คู่สัญญาตกลงจะนำข้อพิพาทดังกล่าวขึ้นฟ้องต่อศาลในประเทศไทย